การบันทึกบัญชีเกี่ยวกับการจัดการสินค้าสามารถดำเนินการได้ ตั้งแต่การสั่งซื้อไปจนถึงการขายออกทำให้จำเป็นต้องอาศัยข้อสันนิษฐาน เพราะจำนวนสินค้าเข้าออกในแต่ละบริษัทมีจำนวนมากโดยการดำเนินธุรกิจมักมีจุดประสงค์ร่วมกันคือการแสวงหากำไรหรือรายได้รายได้ให้มากที่สุด ซึ่งสินค้าก็เป็นส่วนประกอบ และผลผลิตของบริษัทส่วนใหญ่ที่แบ่งเป็น การขายสินค้าและการให้บริการ แต่หากบันทึกสินค้าทุกชิ้นย่อมจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับก็อาจจะไม่คุ้มค่ากับผลที่ได้อีกด้วย การบันทึกบัญชีแบบสิ้นงวด เป็นการคำนวณมูลค่าของ สินค้าคงเหลือเป็นรอบ ๆ
ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นช่วงปลายปีหรือปลายเดือนนั้น จะขึ้นอยู่กับลักษ ณะของสินค้า และดุลยพินิจว่าต้องการที่จะดูความเคลื่อนไหวของสินค้าในสต็อกมากน้อยแค่ไหน และต้องทำความเข้าใจก่อนว่ามูลค่าของสินค้าคงเหลือ จะไม่ได้นำไปลงบัญชีขายเพราะบัญชีขายจะมีไว้รับรู้ราคาที่บริษัทขายสินค้า ส่วนบัญชีสินค้าคงเหลือ มีไว้รับรู้ราคาที่บริษัทซื้อสินค้า เมื่อรู้จักชื่อบัญชีคร่าวๆ ก็ถึงเวลาของระบบการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือ คือแบบสิ้นงวด และแบบต่อเนื่อง ระบบการบันทึกบัญชีแบบสิ้นงวด
สำหรับระบบการบันทึกแบบต่อเนื่อง เมื่อซื้อสินค้าเข้ามาบริษัทก็สามารถทำการบันทึกสินค้าลงไปที่สินค้าคงเหลือได้เลยโดยไม่ต้องรอจนถึงสิ้นงวด จะทำให้เห็นจำนวนสินค้าคงเหลือได้ตลอดเวลา และรู้ได้ว่าคุณมีสินค้าเพียงพอกับความต้อง การของตลาดในช่วงเวลานั้นหรือไม่ เมื่อเข้าใจพื้นฐานสินค้าคงเหลือแล้วจึงจะสามารถทำความเข้าใจถึงวิธีการคำนวณบัญชีสินค้าคงเหลือได้ ซึ่งมีวิธีราคาเจาะจง,วิธีเข้าหลัง ออกก่อน ,วิธีเข้าก่อน ออกก่อน ,วิธีถัวเฉลี่ยเคลื่อนไหว ,วิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก แต่ในปัจจุบัน วิธีเข้าหลัง ออกก่อนไม่เป็นที่ยอมรับอีกต่อไป ซึ่งวิธีที่เหมาะสมกับบริษัทของจะขึ้นอยู่กับลักษณะของสินค้าของบริษัทเองโดยจะมีข้อดีและข้อเสียต่างไป ข้อดีของการบันทึกบัญชีแบบเข้าก่อน ออกก่อน วิธีเข้าก่อน ออกก่อน เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมและมีข้อดีในการแสดงราคาสินค้าคงเหลือ เมื่อถึงสิ้นปีสินค้าคงเหลือ จะมีมูลค่าใกล้เคียงกับมูลค่าในตลาดมากที่สุด เพราะเป็นวิธีที่เข้าใจง่ายและบันทึกได้ไม่ยุ่งยาก
ซึ่งการบันทึกด้วยวิธีเข้าก่อน ออกก่อน สามารถนำมาใช้ได้กับทั้งระบบการบันทึกแบบสิ้นงวด และแบบต่อเนื่อง ซึ่งจะแตกต่างกันในรายละเอียดการบัน ทึก แต่มูลค่าของสินค้าคงเหลือที่ได้จะมีค่าเท่ากัน วิธีนี้มักจะใช้กับสินค้าทั่ว ๆ ไปซึ่งมีลักษณะเหมือนกัน แต่จะมีข้อดีในการแสดงราคาสินค้าคงเหลือ เพราะเมื่อถึงสิ้นปีสินค้าคงเหลือ จะมีมูลค่าใกล้เคียงกับมูลค่าในตลาดมากที่สุด ทำให้แสดง เห็นถึงฐานะทางการเงินของบริษัทได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง เป็นวิธีที่เข้าใจง่ายและไม่ยุ่งยาก